บางคนค้าแข้งที่นี่จนแขวนสตั๊ด บางคนเข้ามาสร้างความยิ่งใหญ่เพียง 2 ปี บางคนพลิกบทบาทมาเป็นโค้ชไทยลีกในปัจจุบัน พวกเขาคือกันกันบ้าง
ในแต่ละปี ศึกฟุตบอลไทยลีก มีนักเตะต่างชาติเดินทางมาหาประสบการณ์ ตามหาความฝัน และสร้างสีสันท์อยู่ตลอด โดยเฉพาะแอฟริกัน อันถือได้ว่าเป็นกลุ่มบุกเบิกของฟุตบลไทย นับจากอดีตถึงปัจจุบันคงไม่สามารถนับไหวว่ามีมากมายกี่พันคน เนื่องจากยังไม่มีบันทึกเชิงสถิติที่ชัดเจน แต่ใครบ้างหล่ะที่เข้ามาแล้วเป็นที่จดจำของแฟนบอล ฝากผลงานอันยอดเยี่ยม จนมาอยู่ในฮอลล์ ออฟ เฟรม ของไทยลีก ได้ ลองไปทำความรู้จักและรำลึกกับพวกเขาสัก 10 คน
อันดับ 10 : มูดูรู สวา มอยเซ่
เริ่มกันที่อันดับ 10 เขาอาจไม่เคยสัมผัสแชมป์ไทยลีก แต่ มูดูรู สวา มอยเซ่ คือหัวใจของเกมรับการท่าเรือในปี 2009-2010 ที่นอกจากพาทีมเงินน้อย (ในเวลานั้น) เกาะกลุ่มหัวตารางของลีก ก็ยังมีส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยถึง 2 รายการ
มูดูรู สวา มอยเซ่ ปราการหลังชาวแคเมอรูน ย้ายมาจาก ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ยักษ์ใหญ่มาเลเซีย การมาของเขาทำให้เกมรับของการท่าเรือฯ แข็งแกร่งขึ้นทันตาเห็น ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เขายังมีความเร็วไว้ค่อยวิ่งไล่ต้อนกองหน้าคู่แข่งอีกด้วย
เมื่อการท่าเรือฯประสบปัญหาเรื่องการเงินก็ทำให้เขาย้ายลงไปเล่นในลีกล่างกับ สุพรรณบุรี เอฟซี และ ชัยนาท ฮอร์นบิล และปิดฉากเส้นทางการค้าแข้งในเมืองไทยกับ เอฟซี ภูเก็ต
อันดับ 9 : ลูโดวิค ทาคาม
ต่อกันที่อันดับ 9 เขาคือดาวยิงเจ้าของดาวซัลโวไทยลีกครั้งที่ 14 หลังจากยิงไป 17 ประตูให้กับ “โลมามหาภัย” พัทยา ยูไนเต็ด ซึ่งนั้นก็เป็นปีแจ้งเกิดของเขาในเมืองไทย
ลูโดวิค ทาคาม ย้ายมาจาก โฮม ยูไนเต็ด ในฟุตบอลเอส-ลีก สิงคโปร์ ในปี 2010 โดยแค่เพียงปีแรกเขาก็ระเบิดฟอร์มคว้าดาวซัลโวของไทยลีกได้สำเร็จ แม้ว่าในฤดูกาลต่อมาเขายิงได้เพียง 6 ลูกในไทยลีก แต่ก็มีส่วนสำคัญในเกมรุกพร้อมกับพา พัทยา ยูไนเต็ด จบอันดับที่ 4 ของลีกซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดของสโมสร หลังจากกลายเป็นดาวยิงแถวหน้าก็ถูก ชลบุรี เอฟซี คว้าตัวไปร่วมทีม แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จก่อนกลับมาอยู่กับทีมอีกครั้งระยะสั้นๆ และย้ายไปอยู่กับเพื่อนตำรวจ ในเลกแรกปี 2013
จากนั้นเขาลงไปค้าแข้งในลีกล่างของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ภูเก็ต เอฟซี, ราชนาวี, กระบี่ เอฟซี, อยุธยา เอฟซี และ โคปูน วอริเออร์ โดย ลูโดวิค ทาคาม เป็นกองหน้าที่มีส่วนสูงเพียงแค่ 164 เซนติเมตร แต่เขามีความเร็วและความแข็งแกร่งมาทดแทน รวมถึงการจบสกอร์ที่ไว้ใจได้ ทำให้เขายังอยู่ในใจของแฟนบอลชาวไทยหลายคน
อันดับ 8 : อาจายี่ ซามูเอล
หากให้นึกชื่อนักเตะประเภทความเร็วสูงของฟุตบอลไทยลีกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชื่อแรกๆที่แฟนบอลนึกถึงคือ อาจายี ซามูเอล แข้งไนจีเรีย ผู้เข้ามาสร้างสีสันให้กับฟุตบอลบ้านเรา
ซามูเอล อาจายี่ ย้ายมาเมืองไทยในปี 2008 โดยยิงไป 9 ประตูให้กับ ธ.กรุงไทย ก่อนที่ทีมจะถูก บางกอกกล๊าส เทคโอเวอร์ในปีต่อมา และเขาก็ถูกส่งต่อมาให้กับทีมดังย่านรังสิต และเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกให้กับทีม โดยแนวรับชาวไทยร่วมไปถึงแข้งนอกหลายๆคนก็เคยโดนเขาเล่นงานด้วยความเร็วมาแล้ว
อาจายี ย้ายออกจาก บางกอกกล๊าส มาอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี ในปี 2013 แต่จากสไตล์ที่เน้นลากเลื้อยเป็นหลักของเขา ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยถูกโฉลกกับต้นสังกัดใหม่สักเท่าไหร่ ยิงไปเพียง 3 ลูก ก่อนย้ายไปอยู่กับ จีเอสอี สมุทรสงคราม เอฟซี ในปี 2014 ซึ่งเป็นทีมสุดท้ายที่เขาอยู่เมืองไทย
ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่เขาวาดลวดลายในเมืองไทย เขายิงประตูในฟุตบอลไทยลีกไปทั้งสิ้น 48 ประตู ก่อนย้ายกับไปค้าแข้งที่กัมพูชา โดยเล่นให้กับ เบิงเกต เอฟซี
อันดับ 7 : อีฟส์ เอควาล่า
กองหน้าของ ต้าเหลี่ยน ทรานเซนเด้น ในลีกรองประเทศจีน ถูกเลือกเข้ามาติดในอันดับ 7 ซึ่งดาวยิงคนนี้ครั้งหนึ่งเขาคือสุดยอดปราการหลังของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ก่อนที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะมี ออสมาร์ อิบันเญซ หรือ อันเดรส ตูเญซ พวกเขาเคยมีปราการหลังร่างยักษ์อย่าง อีฟส์ เอควาล่า ยืนประจำการในแผงเกมรับให้กับทีม โดยกองหลังชาวแคเมอรูนคนนี้ มีส่วนสำคัญกับการคว้า 3 แชมป์ของ “ปราสาทสายฟ้า” ในปี 2011
นอกจากเอควาล่า จะหยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้ดีแล้ว เขายังเป็นกองหลังที่เติมเกมขึ้นมาทำประตูได้ดีอีกด้วย โดย 2 ฤดูกาลที่เขาเล่นไทยลีกให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอควาล่า ยิงไป 13 ประตู ก่อนย้ายไปค้าแข้งในลีกรองของจีน พร้อมกับเปลี่ยนตำแหน่งจาก กองหลังไปเป็นศูนย์หน้า
อันดับ 6: ฟรองค์ โอฮันซ่า
ดาวซัลโวฟุตบอลไทยลีกครั้งที่ 15 เข้ามาติดทำเนียบนักเตะแอฟริกาดีที่สุดตลอดกาลไทยลีก ในลำดับที่ 6
ฟรองค์ โอฮันซ่า ย้ายมาอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (เวลานั้นยังเป็น บุรีรัมย์ พีอีเอ) ในฤดูกาล 2011 ด้วยวัยไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ และแค่เพียงปีแรกเขาก็ระเบิดฟอร์มยิงไป 19 ประตูในไทยลีกคว้ารางวัลดาวซัลโวพร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุด นอกจากนี้เขายังมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยอีก 2 รายการ ซึ่ง ฟรองค์ โอฮันซ่า ถือเป็นกองหน้าที่มีทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง และช่วงเวลาดังกล่าวเขามีชื่อติดทีมชาติแคเมอรูน ชุด ยู-20 ไปเล่นฟุตบอลเยาวชนโลก แม้ว่า “หมอผีจูเนียร์” ไม่ประสบความสำเร็จ หลังตกรอบสอง แต่ชื่อของ ฟรองค์ โอฮันซ่า ก็กลายสนใจของทีมในยุโรป
ฤดูกาล 2012 ยิงไป 2 ประตูในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และอีก 3 ประตูในไทยลีก ก่อนถูก กรอยเธอร์ เฟือร์ธ ทีมน้องใหม่ของบุนเดสลีกก้า เยอรมัน คว้าตัวไปร่วมทีม และไม่แต่ว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จที่เยอรมัน เนื่องจากถูกอาการบาดเจ็บรบกวน ก่อนกลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งในการเล่นให้กับ ไฮจ์ดุ๊จ สปลิต ในลีกโครเอเชีย ที่ยิงไป 9 ประตูในฤดูกาล 2017 และล่าสุดก็โยกมาค้าแข้งในไชนีส ลีก วัน กับทีม เซินเจิ้น เอฟซี
อันดับ 5 : อเดบาโย่ กาเดโบ้
นี่คือแข้งผิวสีคนแรกๆที่เดินทางเข้ามาค้าแข้งเมืองไทย ที่สำคัญเขาเป็นนักเตะอาชีพจริงๆ ไม่ใช่แข้งย้อมแมวทำเหมือนที่มาเผชิญโชคชะตาในเมืองไทย
อเดยาโย่ กาเดโบ้ อดีตปราการหลังทีมชาติไนจีเรีย ชุดเยาวชน เดินทางมาค้าแข้งเมืองไทยในปี 1998 ในวัย 24 ปี โดยเล่นให้กับ “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน ซึ่งเขาคือกองหลังที่มีความแข็งแกร่งและเข้าบอลได้อย่างดุดัน ก่อนพา “มังกรไฟ” คว้าแชมป์ไทยลีก ในปี 2000 และ 2001
หลังจากประสบความสำเร็จกับ บีอีซี เทโรศาสน เขาก็ย้ายไปค้าแข้งที่ลีกอินโดนีเซีย ก่อนกลับมาเมืองไทยอีกครั้งในปี 2004 ที่มาอยู่กับ พนักงานยาสูบ โดยเล่นอีกแค่ปีเดียวก็แขวนสตั๊ด และไปเริ่มนับหนึ่งงานด้านโค้ช ปัจจุบัน ในวัย 43 ปี เขายืนบัญชาเกมข้างสนามให้กับ “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี เอฟซี หลังเคยผ่านบทบาทที่นี่มาทั้งผู้อำนวยการสโมสร โค้ชรักษาการ และโค้ชทีมเยาวชน
อันดับ 4 : โคเน่ โมฮัมเหม็ด
ดาวยิงต่างชาติคนแรกที่ยิงประตูได้ครบ 100 ลูกในเมืองไทย และสำหรับฟุตบอลไทยลีก โคเน่ โมฮัมเหม็ด ยิงไป 87 ประตู ซึ่งมากที่สุดในบรรดานักเตะจากแอฟริกาที่เข้ามาค้าแข้งในเมืองไทย
แชมป์ไทยลีก 4 สมัยที่เป็นเกียรติประวัติติดตัว โคโน่ โมฮัมเหม็ด นั้นแสดงให้เห็นว่าแข้งชาวไอวอรี่ โคสต์ คนนี้ไม่ธรรมดา เขาคือกองหน้าทีครบเครื่องคนหนึ่งของฟุตบอลไทยลีก ยิงประตูได้คมกริบ ทั้งเท้าซ้าย และขวา หรือจะเป็นลูกโหม่งก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม
เขามาค้าแข้งเมืองไทยตั้งแต่ปี 2001 เล่นโปรวินเชียลลีกให้กับ นครปฐม ก่อนย้ายมาโชว์ฝีเท้าในไทยลีกในปี 2003 กับธนาคารกรุงไทย พร้อมกับคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรก จากนั้นย้ายไปอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี และคว้าแชมป์ลีกร่วมกับทีมได้ในปี 2007
ความเก่งกาจของเขาก็ทำให้ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าตัวมาร่วมทีมในปี 2010 แม้ว่าไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนาม แต่เขาก็คว้าแชมป์ลีกร่วมกับทีมอีก 2 สมัย หลังจากหมดสัญญากับ “กิเลนผยอง” ก็ลงไปค้าแข้งในลีกล่างของเมืองไทย ก่อนแขวนสตั๊ดกับ แพร่ ยูไนเต็ด ในปี 2016 เบ็ดเสร็จแล้วเขาค้าแข้งในเมืองไทยมากกว่า 10 ปี ปัจจุบันเขาผันตัวมาเป็นเอเย่นต์นักฟุตบอลแล้ว
อันดับ 3 : ซูมาโฮโร่ ยาย่า
มากันที่อันดับ 3 ยังคงเป็นอดีตนักเตะ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด นี่เป็นอีกหนึ่งนักเตะต่างชาติที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดคนหนึ่งของฟุตบอลไทยลีก
ซูมาโฮโร่ ยาย่า ปีกตัวจี๊ดจากไอวอรี่ โคสต์ ย้ายมาอยู่เมืองไทย ในปี 2008 และมีส่วนสำคัญในการพา “กิเลนผยอง” ก้าวสู่ไทยลีก โดยช่วงที่ เอสซีจี เมืองทอง ก้าวมาเล่นในลีกสูงสุดนั้นเป็นช่วงที่ฟุตบอลลีกเมืองไทยก้าวสู่ระบบอาชีพอย่างเต็มตัว และแฟนบอลชาวไทยต่างก็ได้เห็นความยอดเยี่ยมของนักเตะคนนี้ โดยปีแรกในการเล่นไทยลีก เขายิงไป 9 ลูกพร้อมกับส่วนสำคัญกับประตูที่ทีมยิงได้อีกหลายประตู ก่อนพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกอย่างยิ่งใหญ่
ปีต่อมาเขาอยู่เมืองทองฯ อีกเพียงครึ่งฤดูกาล ยิงเพิ่มอีก 5 ลูก ก็มีอันต้องย้ายไปยุโรป โดย เคเอเอ เกนท์ ประเคนเงิน 20 ล้านบาทให้กับ “กิเลนผยอง” เพื่อดึงตัวไปค้าแข้งบนแผ่นดินยุโรป ซึ่งเป็นตัวเลขที่มหาศาลมากๆ สำหรับฟุตบอลไทยเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน
เบ็ดเสร็จระยะเวลา 2 ปีครึ่งที่ค้าแข้งในเมืองไทยเขาลงสนามไป 62 นัด ยิงไป 26 ประตูกับอีก 22 แอสซิสต์ โดยเขา ซูมาโฮโร่ ยาย่า มีโอกาสเซ็นสัญญากลับมาสู่อ้อมอกแฟนบอล กิเลนผยอง อีกรอบ ในปี 2016 พร้อมอาการบาดเจ็บ สุดท้ายสโมสรรอคอยไม่ไหวจึงยกเลิกสัญญากับเขา
อันดับ 2 : ดาโน่ เซียก้า
54 ประตูจากการลงสนามในไทยลีกมากกว่า 100 นัด คือสิ่งการันตีคุณภาพของมิดฟิลด์ชาวไอวอรี่ โคสต์ รายได้เป็นอย่างดี เขาคือนักเตะตำนาน “กิเลนผยอง” ที่ใช้ชีวิตในเมืองไทยยาวนานถึง 10 ปี นี่ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ชื่อของ ดาโน่ เซียก้า เข้ามาอยู่ในอันดับที่ 2
ดาวเตะรายนี้เดินทางมาแสวงหาโชคชะตาในเมืองไทยตั้งแต่อายุ 20 ปี ก่อนที่จะได้ร่วมทัพ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในปี 2008 ที่ทีมยังเล่นอยู่ในระดับดิวิชั่น 1 หลังจากนั้นพาทีมเลื่อนชั้นสู่ไทยลีกเขาก็ยึดตัวหลักของทีมมายาวนาน พร้อมกับคว้าแชมป์ไทยลีกร่วมกับทีมได้ถึง 3 สมัย
จากนั้นแฟนบอลต้องใจหายเมื่อเจ้าบุญทุ่มขณะนั้นอย่าง เพื่อนตำรวจ ดึงตัวเขาไปกู้วิกฤตหนีตกชั้นในเลกสองปี 2014 เขาอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 1 ฤดูกาลครึ่ง ก่อนย้ายไปน้องใหม่ดิวิชั่น 1 อย่าง ขอนแก่น ยูไนเต็ด พร้อมอาการบาดเจ็บ ซึ่งนั่นคือสโมสรสุดท้าย ก่อนจะพลิกบทบาทมาเป็นทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังไม่สามารถเรียกความฟิตกลับมาเป็นนักเตะได้แล้ว
ดาโน่ เซียก้า เป็นนักเตะที่แข็งแกร่ง เล่นได้อย่างดุดัน และถือเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ นอกเหนือจากการการตัดเกมที่ดีแล้ว ยังสามารถขึ้นมาทำประตูให้กับทีมได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นนักเตะที่ครบเครื่องคนหนึ่งของฟุตบอลไทยลีก
อันดับ 1 : แฟรงค์ อาเชียมปง
นี่คือนักเตะแอฟริักันที่ดีที่สุดตลอดกาลของฟุตบอลไทยลีก แข้งแนวรุกจากกาน่า อาจมีเวลาโชว์ฝีเท้าอยู่ในเมืองไทยแค่เพียง 2 ปี แต่ชื่อของ แฟรงค์ อาเชียมปง ก็ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน
18 ประตูในไทยลีกอาจจะดูน้อยไปสักหน่อย สำหรับนักเตะที่ถูกยกให้เป็นอันดับ1 แต่อย่างลืมว่า ขณะนั้นเขาอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น แทบไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้มากมายขนาดนี้
อาเชียมปง ย้ายมาอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2011 แค่เพียงปีแรกก็มีส่วนสำคัญพาทีมคว้า 3 แชมป์ (ไทยลีก, ไทยลีกคัพ, ไทยเอฟเอคัพ) แม้ว่าปีที่สองเขาไม่สามารถพาทีมป้องกันแชมป์ลีกได้ แต่ก็ยังได้ 2 แชมป์บอลถ้วย รวมไปถึงการได้ไปโชว์ฟอร์มระดับมาสเตอร์ในฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก จนเป็นที่รู้จักมากขึ้น
กระทั่งในปี 2013 อันเดอร์เลชท์ ยักษ์ใหญ่แห่งลีกเบลเยี่ยม ดึงตัวเขาไปร่วมทีมในสัญญายืมตัว ก่อนที่จะมีการซื้อขาดในเวลาต่อมาด้วยค่าตัว 1 ล้านยูโร (39 ล้านบาท ในเวลานั้น) โดยเขาค้าแข้งบนแผ่นดินยุโรปนานเกือบ 5 ปี ก่อนย้ายมาเอเชียอีกครั้งด้วยการร่วมทีม เทียนจิน เต๋อด้า ใน ศึกไชนีส ซูเปอร์ลีก และเพิ่งซัดแฮตทริกใส่ทีมของอเล็กซานเดร ปาโต้ มาเมื่อเร็วๆ นี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น